หลายคนคงเคยมีคำถามในใจว่า “หากมีเงินเข้ามาสักก้อน จะนำไปใช้อะไรก่อน ระหว่างโปะหนี้ กับลงทุน?” เพราะไม่ว่าจะเลือกทางใด ก็ดูจะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น แต่ทางเลือกไหนจะดีกว่ากันแน่?
คำถามแรกที่อยากให้หลาย ๆ คนลองคิดดูก่อน ก็คือ มีเงินสำรองเผื่อตอนฉุกเฉินแล้วหรือยัง? หากยังไม่มีเงินก้อนนี้ สิ่งแรกที่ควรทำ ก็ควรจะเป็นการสะสมเงินสำรองให้ได้ประมาณ 3- 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน แล้วจึงค่อยนำเงินที่เหลือไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณาว่าจะโปะหนี้ หรือลงทุน
ถ้าเงินก้อนที่มีสามารถปลดหนี้ได้ ก็ควรเอาไปจบหนี้ก่อน หรือถ้าโปะหนี้ได้แค่บางส่วน และเป็นหนี้ที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ก็เอาเงินไปโปะหนี้ได้เลย เพราะจะได้ไม่ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอีกต่อไป แต่ถ้าเป็นหนี้แบบอื่น ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูอีกที
แต่ก่อนจะนำเงินไปลงทุน เราต้องรู้ก่อนว่าการลงทุนแบบใด ได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ และการลงทุนแบบใด จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าได้ โดยเราสามารถแบ่งประเภทของการลงทุนได้ เช่น
2.1 ฝากเงินกับธนาคาร ข้อดีคือ ง่าย ปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ ฝาก - ถอน ได้ตลอดเวลา แต่ผลตอบแทนก็ค่อนข้างต่ำเช่นกัน
2.2 ลงทุนในตราสารหนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และได้เงินต้นคืน เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ได้มีการการันตีผลตอบแทน หรือการคืนเงินต้น ดังนั้น ผู้ลงทุนต้องพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ ประกอบด้วย
2.3 ลงทุนในกองทุนรวม เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ ข้อดีคือ มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเงินลงทุนให้ ซื้อ - ขายง่าย กำไรที่ได้ ไม่ต้องเสียภาษี และบางกองทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้ เช่น กองทุนรวม SSF RMF และ ESG
2.4 ลงทุนในหุ้น ผู้ลงทุนจะถูกนับว่ามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ ตามสัดส่วนมูลค่าของหุ้นที่ถือครอง ข้อดีคือ มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว และมีโอกาสได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล หากกิจการมีกำไร แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 52 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2024 บริษัท ดาโอ เลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด สงวนลิขสิทธิ์